ไพรูเวท พลัส ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
มีส่วนประกอบที่สำคัญใน 1 แคปซูล:
-แคลเซียม ไพรูเวท 500 มก.
-แอล –ไทโรซีน 200 มก.
-กรดอัลฟา ไลโปอิก 25 มก.
-นิโคตินาไมด์ 3.5 มก.
-วิตามินบี 6 1 มก.
-โครเมียม พิโคลิเนต 0.5 มก.(ให้โครเมียม 62 มคก.)
ทะเบียน อย. 73-1-32023-1-0055
สารไพรูเวท มีความจำเป็นต่อกระบวนการเผาผลาญพลังงานในระดับเซลล์ ที่จะทำให้ร่างกายดึงเอาไขมันส่วนเกินออกมาใช้ และยังช่วยเพิ่มการส่งผ่านกลูโคสเข้าสู่เซลล์เพื่อเปลี่ยนให้เป็นพลังงาน ส่งผลให้กล้ามเนื้อได้รับพลังงานในทันทีทันใด ร่างกายจึงรู้สึกสดชื่น มีพลัง สามารถออกกำลังกายหรือทำงานได้นานขึ้นโดยไม่รู้สึกเหนื่อยง่าย อีกทั้งยังเป็นคู่หูกับ “แอล-คาร์นิทีน” ในการทำหน้าที่เร่งการเผาผลาญไขมัน นอกจากนี้ยังช่วยเสริม “แคลเซียม” ให้กระดูกได้อีกด้วย
*รับประทานวันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 1-3 แคปซูล ก่อนอาหารหรือก่อนออกกำลังกาย 15-30 นาที*
*แคลเซียม ไพรูเวท 500 มก. ให้แคลเซียมประมาณ 93.5 มก.*
แอล-ไทโรซีน (Tyrosine)
เป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายใช้ผลิตฮอร์โมนไทร็อกซิน (Thyroxine) ที่ช่วยเร่งอัตราการเผาผลาญอาหารให้เป็นพลังงาน ช่วยลดไขมันสะสม เป็นสารต้นตอที่ใช้ในการผลิตสารสื่อประสาทหลายชนิดที่ออกฤทธิ์ลดความอยากอาหาร (appetite suppressan) ลดความเครียด ทำให้สมองตื่นตัว ลดอาการหดหู่ ซึมเศร้า นอนไม่หลับ ขี้หลง ขี้ลืม ช่วยให้เซลล์แก่ช้าลง นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มพลังงานทางเพศอีกด้วย
*ขนาดรับประทานวันละ 500-1500 มก.*
อัลฟา ไลโปอิค แอซิด (Alpha Lipoic Acid)
เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์แรง (Super antioxidant) เพราะมีคุณสมบัติพิเศษคือละลายได้ดีทั้งในน้ำและน้ำมัน จึงสามารถซึมผ่านชั้นของไขมันเข้าไปในเซลล์ เนื้อเยื่อและอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย ทำให้เซลล์ทุกเซลล์ได้รับการปกป้องจากการถูกทำลายของอนุมูลอิสระที่เกิดจากขบวนการทางชีวเคมีของร่างกาย ช่วยเพิ่มการส่งกลูโคสเข้าสู่เซลล์เพื่อเผาผลาญให้เป็นพลังงาน ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง และที่สำคัญช่วยทำให้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มลดน้ำหนักและบำรุงผิวพรรณมีประสิทธิภาพแบบก้าวกระโดด
วิตามินบี 3 (Nicotinamide), วิตามินบี 6 (Vitamin B6)
ช่วยเร่งขบวนการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน เป็นส่วนสำคัญของขบวนการสร้างโปรตีน สร้างกล้ามเนื้อ ฮอร์โมน เม็ดเลือดแดง เอนไซม์ และสารสื่อประสาทหลายชนิดที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมอารมณ์ ควบคุมความอยากอาหารและการนอนหลับ เนื่องจากวิตามินบี 3 เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ ทำให้ร่างกายไม่สามารถกักเก็บไว้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหาร หรือจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทุกวัน
โครเมียม พิโคลิเนต (Chromium Picolinate)
โครเมี่ยม มีความจำเป็นต่อขบวนการย่อยสลายโปรตีน ไขมันและคาร์โบไฮเดรต ช่วยในการรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในภาวะปกติ โดยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของอินซูลิน เพิ่มการเปลี่ยนกลูโคสไปใช้เป็นพลังงาน ช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันเก่า ป้องกันการสะสมของไขมันใหม่นอกจากนี้โครเมี่ยมยังจะช่วยเสริมฤทธิ์แอล-คาร์นิทีน ในการลดน้ำหนักเพิ่มมวลกล้ามเนื้ออีกด้วย
แอล –คาร์นิทีน (L-Carnitine) เร่งการเผาผลาญไขมัน
แอล –คาร์ พลัส ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมีส่วนประกอบที่สำคัญใน 1 แคปซูล:
-แอล –คาร์นิทีน แอล-ทาร์เทรต 500 มก.
-แอล –ไทโรซีน 50 มก.
-กรดอัลฟา ไลโปอิก 25 มก.
-นิโคตินาไมด์ 5 มก.
-วิตามินบี 6 2 มก.
-โครเมียม พิโคลิเนต 1 มก.(ให้โครเมียม 124 มคก.)
ทะเบียน อย. 73-1-32023-1-0053
กรดอะมิโน แอล-คาร์นิทีน มีหน้าที่เร่งการเผาผลาญไขมันให้เป็นพลังงาน (Fat Burner) ช่วยเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อ ลดไตรกลีเซอไรด์ (TG) และโคเลสเตอรอลตัวร้าย (LDL) เพิ่มโคเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) จึงช่วยป้องกันโรคหัวใจ ลดความเสี่ยงจากโรคหัวใจวาย ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซล์ ทำให้แก่ช้าลง และช่วยให้สามารถออกกำลังกายหรือทำงานได้ทนและนานขึ้น
*รับประทานวันละ 1-2 ครั้ง ครั้งละ 1-3 แคปซูล ก่อนหรือพร้อมอาหารเช้า- กลางวัน*
*ปริมาณการเผาผลาญไขมันข้นอยู่กับกิจกรรมที่ทำหลังรับประทาน เช่น ถ้าทานแล้วไปนอน ก็จะเผาผลาญไขมันได้น้อยกว่าการออกไปเดิน หรือไปแอบิค*
*ผู้ที่กินมังสวิรัติ และผู้ที่ไม่รับประทานเนื้อแดง มีโอกาสขาดสารแอล-คาร์นิทีนได้*
แอล-ไทโรซีน (Tyrosine)
เป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายใช้ผลิตฮอร์โมนไทร็อกซิน (Thyroxine) ที่ช่วยเร่งอัตราการเผาผลาญอาหารให้เป็นพลังงาน ช่วยลดไขมันสะสม เป็นสารต้นตอที่ใช้ในการผลิตสารสื่อประสาทหลายชนิดที่ออกฤทธิ์ลดความอยากอาหาร (appetite suppressan) ลดความเครียด ทำให้สมองตื่นตัว ลดอาการหดหู่ ซึมเศร้า นอนไม่หลับ ขี้หลง ขี้ลืม ช่วยให้เซลล์แก่ช้าลง นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มพลังงานทางเพศอีกด้วย
*ขนาดรับประทานวันละ 500-1500 มก.*
อัลฟา ไลโปอิค แอซิด (Alpha Lipoic Acid)
เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์แรง (Super antioxidant) เพราะมีคุณสมบัติพิเศษคือละลายได้ดีทั้งในน้ำและน้ำมัน จึงสามารถซึมผ่านชั้นของไขมันเข้าไปในเซลล์ เนื้อเยื่อและอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย ทำให้เซลล์ทุกเซลล์ได้รับการปกป้องจากการถูกทำลายของอนุมูลอิสระที่เกิดจากขบวนการทางชีวเคมีของร่างกาย ช่วยเพิ่มการส่งกลูโคสเข้าสู่เซลล์เพื่อเผาผลาญให้เป็นพลังงาน ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง และที่สำคัญช่วยทำให้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มลดน้ำหนักและบำรุงผิวพรรณมีประสิทธิภาพแบบก้าวกระโดด
วิตามินบี 3 (Nicotinamide), วิตามินบี 6 (Vitamin B6)
ช่วยเร่งขบวนการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน เป็นส่วนสำคัญของขบวนการสร้างโปรตีน สร้างกล้ามเนื้อ ฮอร์โมน เม็ดเลือดแดง เอนไซม์ และสารสื่อประสาทหลายชนิดที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมอารมณ์ ควบคุมความอยากอาหารและการนอนหลับ เนื่องจากวิตามินบี 3 เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ ทำให้ร่างกายไม่สามารถกักเก็บไว้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหาร หรือจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทุกวัน
โครเมียม พิโคลิเนต (Chromium Picolinate)
โครเมี่ยม มีความจำเป็นต่อขบวนการย่อยสลายโปรตีน ไขมันและคาร์โบไฮเดรต ช่วยในการรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในภาวะปกติ โดยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของอินซูลิน เพิ่มการเปลี่ยนกลูโคสไปใช้เป็นพลังงาน ช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันเก่า ป้องกันการสะสมของไขมันใหม่นอกจากนี้โครเมี่ยมยังจะช่วยเสริมฤทธิ์แอล-คาร์นิทีน ในการลดน้ำหนักเพิ่มมวลกล้ามเนื้ออีกด้วย
ยากราซีน่า Gracena
ส่วนประกอบสำคัญ
ผลส้มแขก มะขามแขก มะขามป้อม และตัวยาอื่นๆ
สรรพคุณ
เป็นยาระบาย แก้ท้องผูก
รับประทานครั้งละ3-4 แคปซูล วันละ 1 ครั้ง ก่อนนอนเมื่อมีอาการท้องผูก
เนื่องจากกราซีน่ามีส่วนผสมของ ผลส้มแขก มะขามแขก มะขามป้อมจึงมีสรรพคุณดังนี้
• ช่วยลดไขมันที่สะสมในร่างกาย
• ช่วยทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น( เป็นยาระบายอ่อนๆ )
• ช่วยทำให้ผิวพรรณสดใสมีน้ำมีนวล รู้สึกสดชื่น ไม่อ่อนเพลีย
• ไม่กดประสาท ไม่บีบหัวใจ
• สามารถหยุดรับประทานยาได้ เมื่อลดน้ำหนักได้ตามที่ต้องการแล้ว
ส่วนประกอบสำคัญ
ใบมะขามแขก
ช่วยในการระบายขับถ่ายของเสีย เป็นยาฝาดสมาน แก้ริดสีดวงทวาร แก้บิด ท้องเสีย
มะขามป้อม
ให้วิตามิน ซี สูงช่วยสร้างความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า
ผลส้มแขก
มีสาร HCA ช่วยสลายไขมันและช่วยควบคุมน้ำตาลและอาหารประเภทแป้งผลส้มแขก
เป็นพืชพื้นบ้านดั้งเดิมของไทย ที่นิยมใช้ในการประกอบอาหารมาเป็นเวลานานแล้ว ลักษณะของผลส้มแขกจะคล้ายฟักทองขนาดเล็ก มีมากทางภาคใต้ ซึ่งมีการนำมาปรุงอาหาร โดยใช้เพิ่มรสเปรี้ยวให้อาหาร ได้มีการค้นคว้าพบว่า ผลส้มแขกมีสารHCA หรือ Hydroxy-citric acid อยู่จำนวนมาก โดยพบว่า HCA นี้มีคุณสมบัติในการยับยั้งการสะสมของไขมันส่วนเกินในร่างกาย และลดความอยากอาหารได้ จึงได้มีบางคนนำผลส้มแขกมาใช้ในการควบคุมน้ำหนัก
กลไกการออกฤทธิ์ของ HCA จะออกฤทธิ์โดยการไปยับยั้งการทำงานของอ็นไซม์ ATP Citrate Lyase ในวงจร Krep’s cycle ( วงจรการย่อยสลายกลูโคสของเซลล์ร่างกาย )มีคุณสมบัติในการขัดขวาง การเปลี่ยนสารอาหารจำพวกน้ำตาลกลูโคส ( Glucose) ไม่ให้เปลี่ยนสารอาหารจำพวกไขมันสะสมที่เป็นปัญหาของความอ้วนและปัญหาทางสุขภาพอื่นๆอีกมากมาย ทำให้ยับยั้งการนำน้ำตาลจากอาหารประเภท แป้ง ข้าว และน้ำตาลไม่ให้เปลี่ยนเป็นไขมันสะสมตามร่างกาย แต่จะนำไปใช้เป็นพลังงานของร่างกาย ทำให้ร่างกายสดชื่นไม่อ่อนเพลีย และเมื่อในกระแสเลือดไม่ขาดน้ำตาล ก็จะทำให้ความรู้สึกหิวอาหารลดลงไปด้วย ขณะเดียวกันก็จะนำไปสะสมเป็นพลังงานสำรองในรูปของไกลโคเจนที่ตับ ทำให้ร่างกายรับรู้ว่ามีพลังงานสำรองเพียงพอ ทำให้ไม่รู้สึกหิวมาก นอกจากนี้ยังมีผลไปกระตุ้นให้มีการดึงเอาไขมันที่สะสมออกมาใช้เป็นพลังงานที่ให้ไขมันที่สะสมอยู่ลดลงซึ่งจะมีผลทำให้รูปร่างดีขึ้น
ขณะที่ใช้สารสกัดจากส้มแขก คุณสามารถรับประทานอาหารได้ตามสมควร แต่ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทไขมันลงบ้าง และเมื่อความรู้สึกหิวน้อยลงจากที่ร่างกายได้รับพลังงานอย่างเพียงพอแล้วจะทำให้นิสัยการกินอาหารจุๆจำนวนมากๆก็จะค่อยๆลดลงและไม่กลับมาอ้วนใหม่ ผลส้มแขก จนถึงบัดนี้ยังไม่พบผลข้างเคียงหรืออันตรายที่เกิดจากการรับประทานตามขนาดที่แนะนำ แต่ไม่ว่าจะลดน้ำหนักด้วยวิธีใด การปรับเปลี่ยน พฤติกรรมในการกินอาหารควบคู่กับการออกกำลังกายที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอจะทำให้ได้ผลเร็วและปลอดภัยกว่ายาใดๆทั้งหมด
สรุป
HCA ช่วยยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์ ATP Citrate Lipase ทำให้น้ำตาลกลูโคสบางส่วนไม่เปลี่ยนเป็นไขมันสะสมตามส่วนต่างๆของร่างกาย เพราะฉะนั้นน้ำตาลจะเปลี่ยนเป็นไกลโคเจนทันที โดยเมื่อปริมาณไกลโคเจนเพิ่มขึ้น จะทำให้ร่างกายรู้สึกอิ่ม และมีพลังงานมากขึ้นมีส่วนช่วยลดปริมาณคลอเรสเตอรอล กรดไขมันอันเป็นสาเหตุมาจากการยับยั้งการสร้างไขมันในร่างกายช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกายให้เป็นพลังงาน ช่วยให้ร่างแหของไคโตซานจับไขมันได้ดีขึ้น
โดยจากการศึกษาอย่างลึกซึ้งทำให้เราพบว่าสาร HCA ที่สกัดได้จากผลส้มแขก( Garcinia Cambogia )นี้หลังจากที่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายแล้ว จะไปขัดขวางการทำงานของเอ็นไซม์ที่มีชื่อว่า เอทีพีซิเตรดไลเอส ( ATP Citrate lyase ) ทำให้น้ำตาลกลูโคสที่มีมากเกินความต้องการของร่างกายไม่สามารถถูกเปลี่ยนเป็นไขมันสะสม ( New Fat ) ได้และนอกจากนั้นยังพบว่า HCA ยังไปมีผลในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเอ็นไซม์อีกชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า คาร์นิทีน เอซิล ทรานเฟอร์เรส( Carnitine Acyl Transferase ) ที่จะส่งผลในการเร่งการสลายไขมันสะสมที่มีอยู่ในร่างกายออกไปเป็นพลังงานดังนั้น สารสกัดจากผลส้มแขก ซึ่งถือเป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่ไม่มีอันตรายใดๆต่อร่างกายแต่จะส่งผลทั้งการลดการสะสมไขมันใหม่ ที่เกิดจากการที่ร่างกายของเรามีสารอาหารน้ำตาลกลูโคสมากเกินความต้องการ และยังส่งผลในการเร่งการสลายไขมันเก่าที่มีสะสมอยู่แล้วโดยเฉพาะในคนอ้วนให้ออกไปจากร่างกายในรูปของพลังงาน
อย่างไรก็ตามพบว่าหากร่างกายของเราได้รับสารอาหารจำพวกน้ำตาลหรือสารอาหารคาร์โบไฮเดรตที่จะสามารถถูกเปลี่ยนเป็นสารอาหารจำพวกน้ำตาลได้ในกระแสเลือดในปริมาณสูงมากๆนั้น เพราะเพียงผลของสาร HCA จากผลส้มแขก อาจให้ผลได้ไม่เพียงพอเพราะถึงแม้ว่าน้ำตาลกลูโคสจะไม่สามารถถูกเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมใหม่ได้ด้วยผลของสาร HCA หากเซลล์ต่างๆไม่มีการนำน้ำตาลกลูโคสที่ยังคงมีอยู่ในกระแสเลือดไปใช้เป็นพลังงานในเซลล์ได้หมดก็อาจจะทำให้น้ำตาลกลูโคส สามารถเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมใหม่ได้เมื่อหมดฤทธิ์ของสาร HCA ในเลือด
ปริมาณสุทธิ: 60 แคปซูล
ทะเบียนยา เลขที่ G 529/48
วิธีรับประทาน : รับประทานครั้งละ 3-4 แคปซูล วันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน ดื่มน้ำตาม 1-2 แก้ว
พอลลีน่า ลิฟท์ แอนด์ ไวท์ (s101)
ส่วนประกอบสำคัญ :
คอลลาเจน แอล- กลูตาไธโอน วิตามินซี สารสกัดจากโรสแมรี่ ผลทับทิม เปลือกสนฝรั่งเศส เมล็ดองุ่น โคเอ็นไซ์ม์คิวเท็น
รับประทาานวันละ :1 แคปซูล ก่อนนอน
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร พอลลีน่า ลิฟท์ แอนด์ ไวท์
การรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่มุ่งเน้นเพื่อการดูแลผิวแทนคุณ เป็นวิธีที่ง่ายและปลอดภัยและได้ผลดี ด้วยหลักการ Synergist การผสมผสานที่ลงตัว ของสารสกัดจากธรรมชาติที่ล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติในการช่วยชะลอและฟื้นฟูผิวที่ถูกทำลาย และเสื่อมสภาพลงตามอายุ ด้วยสารสกัดมากมายที่ล้วนแล้วแต่ส่งเสริมการทำงานของผิวพรรณ โดยรวมเพื่อการเผยผิวขาวกระจ่างใส เนียนกระชับไร้ริ้วรอย
นี่คือเหตุผลและเป็นอีกทางเลือกที่เราจะให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเป็นผู้ช่วยของเรา
สาเหตุที่ทำให้ผิวหนังเสื่อมสภาพ แบ่งเป็น 2 ประการใหญ่ๆ คือ
1. ความเสื่อมของผิวหนังตามวัย
2. ความเสื่อมของผิวหนังจากสิ่งแวดล้อมความเสื่อมของผิวหนังตามวัย
เมื่อคนเรามีอายุเพิ่มมากขึ้นร่างกายทุกส่วนย่อมเสื่อมสภาพลงแต่ความเสื่อมสภาพตามวัยของผิวหนังเป็นความเสื่อมที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนดังนี้
• ผิวหนังชั้นนอก ( หนังกำพร้า ) เป็นผิวหนังที่อยู่ชั้นนอกสุด ประกอบด้วย เซลล์ผิวที่ตายแล้ว( ขี้ไคล ) ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้เชื้อโรคภายนอกเข้าสู่ร่างกาย รักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังและรักษาอุณหภูมิในร่างกายให้คงที่เมื่ออายุมากขึ้นชั้นหนังกำพร้าจะเริ่มบางลง ทำให้ผิวหยาบกระด้างเกิดแผลถลอกและติดเชื้อโรคได้ง่าย นอกจากนี้เวลาที่ผิวโดนแสงแดดจะไปกระตุ้นเซลล์เมลาโนไซด์ที่อยู่ในผิวหนังชั้นนอกให้ผลิตเม็ดสีเมลานินซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำบนใบหน้า
• ผิวหนังชั้นใน ( หนังแท้ ) ชั้นนี้อยู่ใต้หนังกำพร้า ประกอบด้วย เส้นเลือด เส้นประสาท ต่อมเหงื่อ ต่อมไขมัน เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน คอลาเจน อิลาสติน เมื่อมีอายุมากขึ้นทั้งต่อมไขมัน ต่อมเหงื่อ จะลดจำนวนและขนาดลง ทำให้เหงื่อและไขมันออกน้อยลง ผิวจึงแห้งมากขึ้น นอกจากนี้เส้นผม เส้นขนก็ลดขนาดและจำนวนลง ทำให้เส้นผมบางลง เล็บก็เปราะแตกหักง่าย การสร้างคอลาเจนและอิลาสตินก็ลดลงด้วย ทำให้ผิวหนังเกิดริ้วรอย เหี่ยวย่นและหย่อนยาน
• ชั้นไขมัน ชั้นนี้ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ช่วยลดแรงกระทบกระแทกแก่ร่างกาย เมื่อมีอายุมากขึ้นจะมีการสะสมของไขมันส่วนเกินที่บริเวณหน้าท้อง เอว สะโพก ต้นขา ใต้คางและต้นแขนแต่ชั้นไขมันที่บริเวณส้นเท้าจะบางลง ทำให้ส้นเท้าแตกได้ง่ายขึ้น
ความเสื่อมของชั้นผิวหนังจากสิ่งแวดล้อม เป็นสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เกิดความเสื่อมของผิวหนังดังนี้• แสงแดด เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้แก่ก่อนวัยอันควร เช่นทำให้เป็นกระ ฝ้า จุดด่างดำ รอยย่น มะเร็งผิวหนัง จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงและหาวิธีป้องกันแสงแดด เช่น ทาครีมกันแดด สวมหมวก สวมแว่นตาหรือกางร่ม
• สารเคมีควันพิษ ทำให้ผิวหนังสกปรก รูขุมขนอุดตัน สบู่ที่แรงเกินไปทำให้ผิวเสียได้
• อากาศอุณหภูมิ อากาศที่ร้อนอาจทำให้ผิวมันเป็นสิวได้ง่าย ส่วนอากาศแห้งและเย็นทำให้ผิวหนังแห้งและหยาบ เป็นผื่นคัน ลอกเป็นขุย ปากแห้งแตก• ความเครียด ผิวก็เป็นอวัยวะแรกที่แสดงสัญญาณความเครียด ผิวจะดูหมองคล้ำและทำให้เกิดรอยย่นตรงหัวคิ้ว หน้าผาก และรอบดวงตา
• การอดนอน ทำให้ผิวหนังแห้ง เกิดริ้วรอย และรอยคล้ำใต้ตา การนอนอย่างเพียงพอเป็นสิ่งที่สำคัญเพราะขณะที่นอนหลับ ร่างกายและผิวของเราจะมีการซ่อมแซมและกลับมากระชุ่มกระชวยอีกครั้ง
• การสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่ก่อให้เกิดผลในด้านลบกับผิวหลายประการ เนื่องจากสารนิโคตินในบุหรี่ทำให้หลอดเลือดตีบ ขวางกั้นการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงผิวชั้นนอก การสูบบุหรี่ยังทำลายคอลาเจนที่มีหน้าที่รักษาความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของผิว อีกทั้งทำให้ระบบการรักษาบาดแผลช้าลงด้วย
ส่วนประกอบสำคัญ
• คอลาเจน 200 มก.
• แอล-กลูตาไธโอน 70 มก.
• วิตามิน ซี 25 มก.
• สารสกัดจากโรสแมรี่ 20 มก.
• สารสกัดจากผลทับทิม 20 มก.
• สารสกัดจากเปลือกสน 20 มก.
• สารสกัดจากเมล็ดองุ่น 20 มก.
• โคเอ็นไซม์ คิวเทน 10 มก.
• กรดอัลฟาไลโปอิค 10 มก.
• ซิงค์คีเลต 16 มก.• ซิลิเนียม คีเลต 7 มก.
• คอปเปอร์ คีเลต 3.5 มก.
• แมงกานีส คีเลต 0.55 มก.
คอลาเจน( Collagen )คืออาหารเสริมโปรตีนที่มีคุณภาพสูง ซึ่งมีส่วนผสมของสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพผิวเมื่อร่างกายได้รับสารอาหารในปริมาณที่เหมาะสม จะทำให้ผิวหนังมีความแข็งแรง ทนต่อสภาพถูกทำลายและยับยั้งการเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่น วิตามินซี เป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับการผลิตและรักษาเนื้อเยื่อคอลาเจนการเพิ่มวิตามินซีในอาหารเสริมนี้ จะช่วยยับยั้งการเกิดริ้วรอยแห่งวัยได้โดย วิตามินซีจะเป็นตัวกำจัดอนุมูลอิสระในร่างกายหรือสิ่งสกปรกที่เกิดจากสภาพแวดล้อม สารเคมี อากาศและควันบุหรี่ การรับประทานอาหารเสริมคอลาเจนจะช่วยเพิ่มสารอาหารที่จำเป็นในการสร้างเนื้อเยื่อและช่วยชะลอความแก่เนื่องจากอาหารเสริมคอลาเจนแตกตัวและถูกดูดซึมได้อย่างรวดเร็ว อาหารเสริมคอลาเจนเหมาะสำหรับสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีที่ต้องการรักษาความอ่อนเยาว์และบำรุงผิวพรรณที่ถูกทำลายหรือเสื่อมสภาพลงเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของอายุ
แอล-กลูตาไธโอน( L-Glutathione )ร่วมกับเปลือกสนมาริไทม์ฝรั่งเศส และกรดอัลฟาไลโปอิก ( Alpha Lipoic Acid ) ซึ่งจะช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินที่ผิวมากผิดปกติ ช่วยลดความหมองคล้ำของผิวและยังสามารถต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุของฝ้า กระ จุดด่างดำ ด้วยคุณค่าสารอาหารธรรมชาติทั้ง 3 นี้ ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใสขึ้น ลดเลือนริ้วรอยหมองคล้ำและจุดด่างดำได้อย่างเป็นธรรมชาติ รวมถึงผิวทั่วเรือนร่าง เช่นใต้วงแขน บริเวณขอบชั้นใน( Bikini line )ริมฝีปาก และบริเวณหัวนมให้ขาวอมชมพู
วิตามินซี
• กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวและแอนตี้บอดี้ เพิ่มภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคหวัด ภูมิแพ้ ติดเชื้อง่าย เป็นยาปฏิชีวนะจากธรรมชาติ ตลอดจนต้านทานฤทธิ์ของสารพิษในสภาพแวดล้อม
• ต่อต้านอนุมูลอิสระ (แอนตี้ออกซิแดนท์) สาเหตุการเสื่อมของเซลล์และอวัยวะต่างๆ เช่น ต้อกระจก หลอดเลือดอุดตัน กรดไขข้อ ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ รวมถึงมะเร็ง
• ช่วยให้ผิวพรรณยืดหยุ่นกระชับ บำรุงรักษาเหงือก ฟันและกระดูกให้แข็งแรง
• ช่วยทำให้อสุจิแข็งแรงและเคลื่อนไหวได้ดี
• เพิ่มการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกายและเสริมสร้างคอลาเจนในกระดูก
**เนื่องจากร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์วิตามินซีได้เองจึงจำเป็นต้องบริโภคเข้าไปเท่านั้น**
สารสกัดจากโรสแมรี่( Rosemary ) เป็นพืชสมุนไพรในแถบอเมริกาเหนือที่ให้สารสกัดจากธรรมชาติ ชื่อว่ากรดโรสมารินิค( Rosemarinic Acid ) และพืชผักธรรมชาติ ได้แก่ ผงขมิ้น บลอคโคลี่ กะหล่ำ แครอท มะเขือเทศ ใบเสจ กานพลู ให้ผลในการทำลายฤทธิ์ของอนุมูลอิสระและต่อต้านการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นในร่างกาย ซึ่งเป็นตัวทำลายเซลล์ในร่างกายและเกิดขึ้นในร่างกายตลอดเวลาจากสิ่งแวดล้อมภายนอก และระบบการทำงานของร่างกายทำให้ยับยั้งความเสื่อมของเซลล์และอวัยวะต่างๆในร่างกาย เช่น ผิวพรรณที่เหี่ยวย่นก่อนวัย ความจำเสื่อม สมรรถภาพเสื่อม หลอดเลือดหัวใจแข็งตัว และยับยั้งความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพในระยะยาว
สารสกัดจากผลทับทิม ช่วยสมานผิว ลดการอักเสบ ช่วยปรับปรุงระบบการฟอกและไหลเวียนของเลือด ทำให้มีเลือดฝาด ช่วยลดการสะสมของไขมันในผนังหลอดเลือดและยังช่วยบำรุงตับด้วย
สารสกัดจากเปลือกสน( Pine Bark Extract ) ที่พบในฝรั่งเศสเป็นแหล่งของสาร Oligomeric Proanthrocycanidins ( OPC ) จึงช่วยเสริมการทำงานของสารสกัดจากเมล็ดองุ่นในการต้านอนุมูลอิสระและปกป้องเซลล์ผิว โดยลดปฏิกิริยาของผิวหนังเมื่อถูกแสงแดด ลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ลดขนาดและความเข้มของฝ้า กระ และช่วยปรับสภาพผิวให้กลับขาวใสขึ้น เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงที่วงการแพทย์ทั่วโลกยอมรับ
สารสกัดจากเมล็ดองุ่น( Grape Seed Extract )สารสำคัญ Oligomeric Proanthrocycanidins ( OPC )ในเมล็ดองุ่นจะมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและปกป้องหลอดเลือดฝอยที่ผิวหนัง จากการทำลายของอนุมูลอิสระ และยังสามารถช่วยยับยั้งเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการสลายเส้นใยคอลาเจนและอิลาสติน ซึ่งเป็นเส้นใยที่มีความสำคัญต่อสุขภาพและความยืดหยุ่นของผิว ทำให้เนื้อเยื่อโครงสร้างผิวแข็งแรง ช่วยให้ระบบหมุนเวียนโลหิตในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น ส่งผลให้สารอาหารต่างๆไปหล่อเลี้ยงเซลล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิว คืนความอ่อนเยาว์ให้เซลล์ผิวทั่วเรือนร่าง ลดการเกิดริ้วรอย ลดความหยาบกร้าน หมองคล้ำ ทำให้ผิวเรียบเนียนโคเอนไซม์คิวเทน( Coenzyme Q 10 )เป็นสารที่จำเป็นสำหรับกระบวนการสร้างพลังงานให้แก่เซลล์ต่างๆ รวมทั้งเซลล์ผิวด้วย และยังช่วยส่งเสริมให้เซลล์ผิวสร้าง Glycosaminoglycans ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของผิวและโปรตีนที่จำเป็นต่อการสร้างคอลาเจน ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นแข็งแรง และอุ้มน้ำได้มากขึ้นส่งผลให้ผิวมีความชุ่มชื้นดูมีชีวิตชีวาสดใส ช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัยทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์นอกจากนี้( Coenzyme Q 10 )ยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีที่จะช่วยปกป้องเซลล์ผิวไม่ให้โดนทำลายโดยอนุมูลอิสระกรดอัลฟา-ไลโปอิกเป็นสารอาหารประเภทหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายวิตามิน โดยทำหน้าที่เป็น Coenzyme ในขบวนการเผาผลาญน้ำตาลและสารอาหารอื่นๆ ให้เป็นพลังงานโดยปกติร่างกายเราจะพบว่ามีกรดอัลฟาไลโปอิกอยู่แล้วในปริมาณคงที่ ซึ่งในบางสภาวะอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย แหล่งอาหารธรรมชาติที่พบว่ามีกรดอัลฟาไลโปอิกในปริมาณสูงๆได้แก่ เนื้อแดง ยีสต์ เครื่องใน เช่น หัวใจ ตับ เป็นต้น และพบปริมาณน้อยในผักผลไม้บางชนิด เช่น มันฝรั่ง แครอท ผักโขม จากการวิจัยทางการแพทย์พบว่า กรดอัลฟาไลโปอิก เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์แรง ช่วยปกป้องเซลล์เนื้อเยื่อของร่างกาย จากการเผาผลาญน้ำตาลเป็นพลังงาน จึงช่วยให้การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดเป็นไปได้ด้วยดี
สังกะสี( Zinc )สังกะสีมีความสำคัญต่อการสร้างโปรตีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างเส้นใยคอลาเจนและยังแกี่ยวกับการรักษาระดับวิตามินเอ และการใช้วิตามินเอในร่างกายด้วย วิตามินเอและสังกะสีจะทำหน้าที่ร่วมกันในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ผิว อีกทั้งยังอาจช่วยในการรักษาสิว และสมานแผล นอกจากนี้สังกะสียังเป็นองค์ประกอบของเอนไซม์ Superoxide Dismutase: SOD ซึ่งเป็นระบบการต้านอนุมูลอิสระระบบหนึ่งในผิวหนัง ทั้งนี้ร่างกายจำเป็นต้องได้รับสังกะสีอย่างเพียงพอ เพื่อให้เอนไซม์ดังกล่าวสามารถทำงานได้อย่างปกติซิลิเนียม( Selenium )ลดการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ทำงานเสริมกับวิตามินซี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของแอล-กลูตาไธโอน( L-Giutathione ) ป้องกันการเสื่อมของตับอ่อน ทำให้ตับอ่อนผลิตอินซูลินได้ดีขึ้น ทำให้ร่างกายใช้น้ำตาลได้ดีขึ้น ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญของร่างกาย นอกจากนี้ซิลิเนียมยังเป็นสารต้านออกซิแดนซ์ตามธรรมชาติ เพื่อรักษาเนื้อเยื่อต่างๆให้มีความยืดหยุ่นและช่วยให้หัวใจทำหน้าที่ได้ดีขึ้น ช่วยในการผลิตสาร prostaglandin เพื่อป้องกันไม่ให้ความดันเลือดสูงและเป็นโรคหัวใจ ซิลิเนียมยังสำคัญในการช่วยไม่ให้เป็นหมัน โดยช่วยให้เชื้ออสุจิมีความแข็งแรง ช่วยเพิ่มความต้านทานต่อการเป็นโรค อาจป้องกันการแก่ก่อนวัย โดยไปยับยั้งการสร้างอนุมูลอิสระและยังช่วยป้องกันร่างกายจากรังสี แหล่งอาหารที่ดีที่สุดของซิลิเนียมคือ อาหารทะเล ตับ และข้าวแมงกานีส อะมิโน แอซิด คีเลต( Manganese Amino Acid Chelated )เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการพัฒนากระดูกอและเนื้อเยื่อต่างๆ ให้เป็นปกติ การทำให้ตับอ่อนทำงานได้อย่างปกติ จึงช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด กระตุ้นให้ร่างกายใช้พลังงานอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายกระฉับกระเฉง สามารถออกกำลังกายหรือทำงานได้นานกว่าเดิมโดยไม่อ่อนเพลีย แหล่งอาหารที่ดีที่สุดของแมงกานีส คือ ข้าวต่างๆ ผลไม้เปลือกแข็งและผลไม้
คอปเปอร์ อะมิโน แอซิด คีเลต( Copper Amino Chelated)คอปเปอร์ หรือทองแดง ช่วยเผาผลาญและยังจำเป็นเพื่อให้เหล็กดูดซึม และนำไปใช้ประโยชน์ในการสร้างฮีโมโกบิล คอปเปอร์ช่วยในการผลิตกรดนิวคลีอิค คือ อาร์ เอ็น เอ คอปเปอร์จำเป็นสำหรับการเผาผลาญโปรตีน และการสร้างสีของผิวและสีผม เมื่อคอปเปอร์ร่วมกับวิตามินซี จะช่วยในการสร้างอิลาสติน คอปเปอร์มีอยู่ในระบบเอ็นไซม์ต่างๆที่สำคัญในระบบโครงสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน และการผลิตฟอสโฟไลปิค แหล่งอาหารที่ดีที่สุดของทองแดงคือ หอยนางรม ผลไม้เปลือกแข็ง เมล็ดพืช และถั่ว
ปริมาณสุทธิ 30 แคปซูลทะเบียน อย. 73-1-32023-1-0019
ขนาดรับประทาน วันละ 1 เม็ด ก่อนนอน (ถ้าทานต่อเนื่องจะทำให้ผิวพรรณกระจ่างใสขึ้นและคงสภาพผิว)
ส่วนประกอบสำคัญ :
คอลลาเจน แอล- กลูตาไธโอน วิตามินซี สารสกัดจากโรสแมรี่ ผลทับทิม เปลือกสนฝรั่งเศส เมล็ดองุ่น โคเอ็นไซ์ม์คิวเท็น
รับประทาานวันละ :1 แคปซูล ก่อนนอน
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร พอลลีน่า ลิฟท์ แอนด์ ไวท์
การรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่มุ่งเน้นเพื่อการดูแลผิวแทนคุณ เป็นวิธีที่ง่ายและปลอดภัยและได้ผลดี ด้วยหลักการ Synergist การผสมผสานที่ลงตัว ของสารสกัดจากธรรมชาติที่ล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติในการช่วยชะลอและฟื้นฟูผิวที่ถูกทำลาย และเสื่อมสภาพลงตามอายุ ด้วยสารสกัดมากมายที่ล้วนแล้วแต่ส่งเสริมการทำงานของผิวพรรณ โดยรวมเพื่อการเผยผิวขาวกระจ่างใส เนียนกระชับไร้ริ้วรอย
นี่คือเหตุผลและเป็นอีกทางเลือกที่เราจะให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเป็นผู้ช่วยของเรา
สาเหตุที่ทำให้ผิวหนังเสื่อมสภาพ แบ่งเป็น 2 ประการใหญ่ๆ คือ
1. ความเสื่อมของผิวหนังตามวัย
2. ความเสื่อมของผิวหนังจากสิ่งแวดล้อมความเสื่อมของผิวหนังตามวัย
เมื่อคนเรามีอายุเพิ่มมากขึ้นร่างกายทุกส่วนย่อมเสื่อมสภาพลงแต่ความเสื่อมสภาพตามวัยของผิวหนังเป็นความเสื่อมที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนดังนี้
• ผิวหนังชั้นนอก ( หนังกำพร้า ) เป็นผิวหนังที่อยู่ชั้นนอกสุด ประกอบด้วย เซลล์ผิวที่ตายแล้ว( ขี้ไคล ) ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้เชื้อโรคภายนอกเข้าสู่ร่างกาย รักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังและรักษาอุณหภูมิในร่างกายให้คงที่เมื่ออายุมากขึ้นชั้นหนังกำพร้าจะเริ่มบางลง ทำให้ผิวหยาบกระด้างเกิดแผลถลอกและติดเชื้อโรคได้ง่าย นอกจากนี้เวลาที่ผิวโดนแสงแดดจะไปกระตุ้นเซลล์เมลาโนไซด์ที่อยู่ในผิวหนังชั้นนอกให้ผลิตเม็ดสีเมลานินซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำบนใบหน้า
• ผิวหนังชั้นใน ( หนังแท้ ) ชั้นนี้อยู่ใต้หนังกำพร้า ประกอบด้วย เส้นเลือด เส้นประสาท ต่อมเหงื่อ ต่อมไขมัน เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน คอลาเจน อิลาสติน เมื่อมีอายุมากขึ้นทั้งต่อมไขมัน ต่อมเหงื่อ จะลดจำนวนและขนาดลง ทำให้เหงื่อและไขมันออกน้อยลง ผิวจึงแห้งมากขึ้น นอกจากนี้เส้นผม เส้นขนก็ลดขนาดและจำนวนลง ทำให้เส้นผมบางลง เล็บก็เปราะแตกหักง่าย การสร้างคอลาเจนและอิลาสตินก็ลดลงด้วย ทำให้ผิวหนังเกิดริ้วรอย เหี่ยวย่นและหย่อนยาน
• ชั้นไขมัน ชั้นนี้ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ช่วยลดแรงกระทบกระแทกแก่ร่างกาย เมื่อมีอายุมากขึ้นจะมีการสะสมของไขมันส่วนเกินที่บริเวณหน้าท้อง เอว สะโพก ต้นขา ใต้คางและต้นแขนแต่ชั้นไขมันที่บริเวณส้นเท้าจะบางลง ทำให้ส้นเท้าแตกได้ง่ายขึ้น
ความเสื่อมของชั้นผิวหนังจากสิ่งแวดล้อม เป็นสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เกิดความเสื่อมของผิวหนังดังนี้• แสงแดด เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้แก่ก่อนวัยอันควร เช่นทำให้เป็นกระ ฝ้า จุดด่างดำ รอยย่น มะเร็งผิวหนัง จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงและหาวิธีป้องกันแสงแดด เช่น ทาครีมกันแดด สวมหมวก สวมแว่นตาหรือกางร่ม
• สารเคมีควันพิษ ทำให้ผิวหนังสกปรก รูขุมขนอุดตัน สบู่ที่แรงเกินไปทำให้ผิวเสียได้
• อากาศอุณหภูมิ อากาศที่ร้อนอาจทำให้ผิวมันเป็นสิวได้ง่าย ส่วนอากาศแห้งและเย็นทำให้ผิวหนังแห้งและหยาบ เป็นผื่นคัน ลอกเป็นขุย ปากแห้งแตก• ความเครียด ผิวก็เป็นอวัยวะแรกที่แสดงสัญญาณความเครียด ผิวจะดูหมองคล้ำและทำให้เกิดรอยย่นตรงหัวคิ้ว หน้าผาก และรอบดวงตา
• การอดนอน ทำให้ผิวหนังแห้ง เกิดริ้วรอย และรอยคล้ำใต้ตา การนอนอย่างเพียงพอเป็นสิ่งที่สำคัญเพราะขณะที่นอนหลับ ร่างกายและผิวของเราจะมีการซ่อมแซมและกลับมากระชุ่มกระชวยอีกครั้ง
• การสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่ก่อให้เกิดผลในด้านลบกับผิวหลายประการ เนื่องจากสารนิโคตินในบุหรี่ทำให้หลอดเลือดตีบ ขวางกั้นการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงผิวชั้นนอก การสูบบุหรี่ยังทำลายคอลาเจนที่มีหน้าที่รักษาความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของผิว อีกทั้งทำให้ระบบการรักษาบาดแผลช้าลงด้วย
ส่วนประกอบสำคัญ
• คอลาเจน 200 มก.
• แอล-กลูตาไธโอน 70 มก.
• วิตามิน ซี 25 มก.
• สารสกัดจากโรสแมรี่ 20 มก.
• สารสกัดจากผลทับทิม 20 มก.
• สารสกัดจากเปลือกสน 20 มก.
• สารสกัดจากเมล็ดองุ่น 20 มก.
• โคเอ็นไซม์ คิวเทน 10 มก.
• กรดอัลฟาไลโปอิค 10 มก.
• ซิงค์คีเลต 16 มก.• ซิลิเนียม คีเลต 7 มก.
• คอปเปอร์ คีเลต 3.5 มก.
• แมงกานีส คีเลต 0.55 มก.
คอลาเจน( Collagen )คืออาหารเสริมโปรตีนที่มีคุณภาพสูง ซึ่งมีส่วนผสมของสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพผิวเมื่อร่างกายได้รับสารอาหารในปริมาณที่เหมาะสม จะทำให้ผิวหนังมีความแข็งแรง ทนต่อสภาพถูกทำลายและยับยั้งการเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่น วิตามินซี เป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับการผลิตและรักษาเนื้อเยื่อคอลาเจนการเพิ่มวิตามินซีในอาหารเสริมนี้ จะช่วยยับยั้งการเกิดริ้วรอยแห่งวัยได้โดย วิตามินซีจะเป็นตัวกำจัดอนุมูลอิสระในร่างกายหรือสิ่งสกปรกที่เกิดจากสภาพแวดล้อม สารเคมี อากาศและควันบุหรี่ การรับประทานอาหารเสริมคอลาเจนจะช่วยเพิ่มสารอาหารที่จำเป็นในการสร้างเนื้อเยื่อและช่วยชะลอความแก่เนื่องจากอาหารเสริมคอลาเจนแตกตัวและถูกดูดซึมได้อย่างรวดเร็ว อาหารเสริมคอลาเจนเหมาะสำหรับสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีที่ต้องการรักษาความอ่อนเยาว์และบำรุงผิวพรรณที่ถูกทำลายหรือเสื่อมสภาพลงเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของอายุ
แอล-กลูตาไธโอน( L-Glutathione )ร่วมกับเปลือกสนมาริไทม์ฝรั่งเศส และกรดอัลฟาไลโปอิก ( Alpha Lipoic Acid ) ซึ่งจะช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินที่ผิวมากผิดปกติ ช่วยลดความหมองคล้ำของผิวและยังสามารถต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุของฝ้า กระ จุดด่างดำ ด้วยคุณค่าสารอาหารธรรมชาติทั้ง 3 นี้ ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใสขึ้น ลดเลือนริ้วรอยหมองคล้ำและจุดด่างดำได้อย่างเป็นธรรมชาติ รวมถึงผิวทั่วเรือนร่าง เช่นใต้วงแขน บริเวณขอบชั้นใน( Bikini line )ริมฝีปาก และบริเวณหัวนมให้ขาวอมชมพู
วิตามินซี
• กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวและแอนตี้บอดี้ เพิ่มภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคหวัด ภูมิแพ้ ติดเชื้อง่าย เป็นยาปฏิชีวนะจากธรรมชาติ ตลอดจนต้านทานฤทธิ์ของสารพิษในสภาพแวดล้อม
• ต่อต้านอนุมูลอิสระ (แอนตี้ออกซิแดนท์) สาเหตุการเสื่อมของเซลล์และอวัยวะต่างๆ เช่น ต้อกระจก หลอดเลือดอุดตัน กรดไขข้อ ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ รวมถึงมะเร็ง
• ช่วยให้ผิวพรรณยืดหยุ่นกระชับ บำรุงรักษาเหงือก ฟันและกระดูกให้แข็งแรง
• ช่วยทำให้อสุจิแข็งแรงและเคลื่อนไหวได้ดี
• เพิ่มการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกายและเสริมสร้างคอลาเจนในกระดูก
**เนื่องจากร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์วิตามินซีได้เองจึงจำเป็นต้องบริโภคเข้าไปเท่านั้น**
สารสกัดจากโรสแมรี่( Rosemary ) เป็นพืชสมุนไพรในแถบอเมริกาเหนือที่ให้สารสกัดจากธรรมชาติ ชื่อว่ากรดโรสมารินิค( Rosemarinic Acid ) และพืชผักธรรมชาติ ได้แก่ ผงขมิ้น บลอคโคลี่ กะหล่ำ แครอท มะเขือเทศ ใบเสจ กานพลู ให้ผลในการทำลายฤทธิ์ของอนุมูลอิสระและต่อต้านการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นในร่างกาย ซึ่งเป็นตัวทำลายเซลล์ในร่างกายและเกิดขึ้นในร่างกายตลอดเวลาจากสิ่งแวดล้อมภายนอก และระบบการทำงานของร่างกายทำให้ยับยั้งความเสื่อมของเซลล์และอวัยวะต่างๆในร่างกาย เช่น ผิวพรรณที่เหี่ยวย่นก่อนวัย ความจำเสื่อม สมรรถภาพเสื่อม หลอดเลือดหัวใจแข็งตัว และยับยั้งความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพในระยะยาว
สารสกัดจากผลทับทิม ช่วยสมานผิว ลดการอักเสบ ช่วยปรับปรุงระบบการฟอกและไหลเวียนของเลือด ทำให้มีเลือดฝาด ช่วยลดการสะสมของไขมันในผนังหลอดเลือดและยังช่วยบำรุงตับด้วย
สารสกัดจากเปลือกสน( Pine Bark Extract ) ที่พบในฝรั่งเศสเป็นแหล่งของสาร Oligomeric Proanthrocycanidins ( OPC ) จึงช่วยเสริมการทำงานของสารสกัดจากเมล็ดองุ่นในการต้านอนุมูลอิสระและปกป้องเซลล์ผิว โดยลดปฏิกิริยาของผิวหนังเมื่อถูกแสงแดด ลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ลดขนาดและความเข้มของฝ้า กระ และช่วยปรับสภาพผิวให้กลับขาวใสขึ้น เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงที่วงการแพทย์ทั่วโลกยอมรับ
สารสกัดจากเมล็ดองุ่น( Grape Seed Extract )สารสำคัญ Oligomeric Proanthrocycanidins ( OPC )ในเมล็ดองุ่นจะมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและปกป้องหลอดเลือดฝอยที่ผิวหนัง จากการทำลายของอนุมูลอิสระ และยังสามารถช่วยยับยั้งเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการสลายเส้นใยคอลาเจนและอิลาสติน ซึ่งเป็นเส้นใยที่มีความสำคัญต่อสุขภาพและความยืดหยุ่นของผิว ทำให้เนื้อเยื่อโครงสร้างผิวแข็งแรง ช่วยให้ระบบหมุนเวียนโลหิตในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น ส่งผลให้สารอาหารต่างๆไปหล่อเลี้ยงเซลล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิว คืนความอ่อนเยาว์ให้เซลล์ผิวทั่วเรือนร่าง ลดการเกิดริ้วรอย ลดความหยาบกร้าน หมองคล้ำ ทำให้ผิวเรียบเนียนโคเอนไซม์คิวเทน( Coenzyme Q 10 )เป็นสารที่จำเป็นสำหรับกระบวนการสร้างพลังงานให้แก่เซลล์ต่างๆ รวมทั้งเซลล์ผิวด้วย และยังช่วยส่งเสริมให้เซลล์ผิวสร้าง Glycosaminoglycans ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของผิวและโปรตีนที่จำเป็นต่อการสร้างคอลาเจน ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นแข็งแรง และอุ้มน้ำได้มากขึ้นส่งผลให้ผิวมีความชุ่มชื้นดูมีชีวิตชีวาสดใส ช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัยทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์นอกจากนี้( Coenzyme Q 10 )ยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีที่จะช่วยปกป้องเซลล์ผิวไม่ให้โดนทำลายโดยอนุมูลอิสระกรดอัลฟา-ไลโปอิกเป็นสารอาหารประเภทหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายวิตามิน โดยทำหน้าที่เป็น Coenzyme ในขบวนการเผาผลาญน้ำตาลและสารอาหารอื่นๆ ให้เป็นพลังงานโดยปกติร่างกายเราจะพบว่ามีกรดอัลฟาไลโปอิกอยู่แล้วในปริมาณคงที่ ซึ่งในบางสภาวะอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย แหล่งอาหารธรรมชาติที่พบว่ามีกรดอัลฟาไลโปอิกในปริมาณสูงๆได้แก่ เนื้อแดง ยีสต์ เครื่องใน เช่น หัวใจ ตับ เป็นต้น และพบปริมาณน้อยในผักผลไม้บางชนิด เช่น มันฝรั่ง แครอท ผักโขม จากการวิจัยทางการแพทย์พบว่า กรดอัลฟาไลโปอิก เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์แรง ช่วยปกป้องเซลล์เนื้อเยื่อของร่างกาย จากการเผาผลาญน้ำตาลเป็นพลังงาน จึงช่วยให้การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดเป็นไปได้ด้วยดี
สังกะสี( Zinc )สังกะสีมีความสำคัญต่อการสร้างโปรตีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างเส้นใยคอลาเจนและยังแกี่ยวกับการรักษาระดับวิตามินเอ และการใช้วิตามินเอในร่างกายด้วย วิตามินเอและสังกะสีจะทำหน้าที่ร่วมกันในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ผิว อีกทั้งยังอาจช่วยในการรักษาสิว และสมานแผล นอกจากนี้สังกะสียังเป็นองค์ประกอบของเอนไซม์ Superoxide Dismutase: SOD ซึ่งเป็นระบบการต้านอนุมูลอิสระระบบหนึ่งในผิวหนัง ทั้งนี้ร่างกายจำเป็นต้องได้รับสังกะสีอย่างเพียงพอ เพื่อให้เอนไซม์ดังกล่าวสามารถทำงานได้อย่างปกติซิลิเนียม( Selenium )ลดการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ทำงานเสริมกับวิตามินซี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของแอล-กลูตาไธโอน( L-Giutathione ) ป้องกันการเสื่อมของตับอ่อน ทำให้ตับอ่อนผลิตอินซูลินได้ดีขึ้น ทำให้ร่างกายใช้น้ำตาลได้ดีขึ้น ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญของร่างกาย นอกจากนี้ซิลิเนียมยังเป็นสารต้านออกซิแดนซ์ตามธรรมชาติ เพื่อรักษาเนื้อเยื่อต่างๆให้มีความยืดหยุ่นและช่วยให้หัวใจทำหน้าที่ได้ดีขึ้น ช่วยในการผลิตสาร prostaglandin เพื่อป้องกันไม่ให้ความดันเลือดสูงและเป็นโรคหัวใจ ซิลิเนียมยังสำคัญในการช่วยไม่ให้เป็นหมัน โดยช่วยให้เชื้ออสุจิมีความแข็งแรง ช่วยเพิ่มความต้านทานต่อการเป็นโรค อาจป้องกันการแก่ก่อนวัย โดยไปยับยั้งการสร้างอนุมูลอิสระและยังช่วยป้องกันร่างกายจากรังสี แหล่งอาหารที่ดีที่สุดของซิลิเนียมคือ อาหารทะเล ตับ และข้าวแมงกานีส อะมิโน แอซิด คีเลต( Manganese Amino Acid Chelated )เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการพัฒนากระดูกอและเนื้อเยื่อต่างๆ ให้เป็นปกติ การทำให้ตับอ่อนทำงานได้อย่างปกติ จึงช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด กระตุ้นให้ร่างกายใช้พลังงานอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายกระฉับกระเฉง สามารถออกกำลังกายหรือทำงานได้นานกว่าเดิมโดยไม่อ่อนเพลีย แหล่งอาหารที่ดีที่สุดของแมงกานีส คือ ข้าวต่างๆ ผลไม้เปลือกแข็งและผลไม้
คอปเปอร์ อะมิโน แอซิด คีเลต( Copper Amino Chelated)คอปเปอร์ หรือทองแดง ช่วยเผาผลาญและยังจำเป็นเพื่อให้เหล็กดูดซึม และนำไปใช้ประโยชน์ในการสร้างฮีโมโกบิล คอปเปอร์ช่วยในการผลิตกรดนิวคลีอิค คือ อาร์ เอ็น เอ คอปเปอร์จำเป็นสำหรับการเผาผลาญโปรตีน และการสร้างสีของผิวและสีผม เมื่อคอปเปอร์ร่วมกับวิตามินซี จะช่วยในการสร้างอิลาสติน คอปเปอร์มีอยู่ในระบบเอ็นไซม์ต่างๆที่สำคัญในระบบโครงสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน และการผลิตฟอสโฟไลปิค แหล่งอาหารที่ดีที่สุดของทองแดงคือ หอยนางรม ผลไม้เปลือกแข็ง เมล็ดพืช และถั่ว
ปริมาณสุทธิ 30 แคปซูลทะเบียน อย. 73-1-32023-1-0019
ขนาดรับประทาน วันละ 1 เม็ด ก่อนนอน (ถ้าทานต่อเนื่องจะทำให้ผิวพรรณกระจ่างใสขึ้นและคงสภาพผิว)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น